เดนฮาก Den haag ( 's Gravenhage) เมืองหลวงทางด้านการปกครอง

เดนฮาก หรือชื่อเต็มๆ ว่า สคราเฟิ่นฮากเค่อะ เป็นที่รวมสถานที่ราชการและหน่วยงานต่างๆของประเทศ รัฐสภา ตึกสำนักรัฐบาล กระทรวงต่างๆ หรือแม้แต่สถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆก็รวมกันอยู่ีที่นี่ เดนฮากนั้นมีฐานะเป็นเมืองหลวงของรํฐ Zuid-holland  

เดนฮากมีสถานีรถไฟใหญ่ถึงสองสถานี คือ Den haag centraal (CS) และ Den haag Holland Spoor (HS) รถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใหญ่ จะผ่านที่สถานี HS เป็นหลัก 

ในเดนฮากก็มีคลองขุดอยู่มากมายไม่แ้พ้เมืองอื่นๆหลายเมืองในฮอลแลนด์ หนึ่งในนั้นคือ  Prinsegracht ได้รับการยกย่องว่าเป็นคลองขุดที่สวยที่สุดในยุโรป (หรืออาจจะสวยที่สุดในโลกด้วย) 

Den Haag เรื่มเป็นเมืิองมีผู้คนเข้ามาอาศัยตั้งแ่ต่ปี  1230 แ่ต่หลักฐานที่ัชัดเจนจะเริ่มเห็นได้จากในปี 1581 เดนฮากเป็นศูนย์กลางของ  Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden  

ประวัติศาสตร์ความเป็นเมืองของเดนฮากเริ่มขึ้นออกจะช้ากว่าเมืองอื่นๆ ในศตวรษที่ 14 เดนฮากเริ่มมีประชากรประมาณพันคนขึ้นไป กลายฐานะเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งชื่อ Die Haghe ในเวลานั้นเดลฟท์ และเลเดิ้นกลายเป็นเมืองใหญ่ไปแล้ว   ในช่วงสงคราาม 80 ปี (ศตวรรษที่16) เดนฮากถูกสปนบุกเข้าเผาราบเป็นหน้ากลอง 
และบุกเข้ายึด Binnenhof 

หลังจากสงครามครั้งนี้ เดนฮากกลายเป็นที่บัญชาการของรัฐบาลและเป็นที่อยู่อาศัยของผุ้นำนคร Stadhouder, Prinsen van Oranje  แต่อย่างไรก็ตามเดนฮากก็ยังไม่ได้สร้างกำแพงเมือง เพราะยังมีปัญหาในเรื่องการเงิน  กว่าจะเริื่่มสร้างก็เข้าต้นศตวรรษที่ 17 ไป หลักฐานของกำแพงเมืองเหล่านั้น ยังจะเห็นได้ที่   Noordwal, Prinsessewal, Mauritskade, Hooigracht/Smidswater, Oranje Buitensingel, Uilenbomen, Bierkades, Zuidwal, Houtzagerssingel, Zoutkeetsinge และ  Noordwestbuitensingel 

 ในปลายศตวรรษที่ 18 นโปเลียนได้ให้อำนาจรัฐแก่เดนฮาก เพื่อค้ำอำนาจระหว่าง Delft และ Leiden แต่ก็เป็นเช่นนี้ได้ไม่นาน ระบบ Gemeenten ก็เข้ามาแทนที่ในปี 1814 เมื่อเนเธอร์แลนด์กลายเป็นประเทศขึ้นมา เดนฮากกลายเ็ป็นเมืองราชการ และอัมสเตอร์ดัมได้รับตำแหน่งเมืองหลวงของประเทศไป จนถึงจุดเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 เดนฮากเติบโตกลายเป็นเมืองใหญ่เพราะแรงงานจากเรือกสวนไร่นาหลั่งไหลเข้ามาทำงานในเมือง ประชากรจึงเพิ่มปริมาณขึ้นเกือบสี่เท่าตัว คลองต่างๆถูกถมด้วยขยะและของเสีย จนสุดท้ายก็ต้องถมทิ้ง และปลูกสร้างบ้านเรือเพิ่มขึ้น 

 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองนั้น โชคดี เดนฮากไม่ได้ตกเป็นเมืองเป้าหมายการถล่มเยอรมัน แต่สองเดือนก่อนการได้รับอิสระ ย่าน Bezuuidenhout ถูกระเบิดถล่มไปแถบหนึ่งเนื่องจากฝ่ายสัมพันธมิตรพลาดเป้าหมายการถล่มฐานยิงจรวดของฮิตเลอร์ 

 หลังสงครามประชากรของเดนฮากเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่จากความหนาแน่นของตัวเมือง ประชากรเริ่มย้ายถ่ายเทออกไปอยุ่อาศัยในเมืองใหม่ คือ  Zoetermeer สำหรับในเมืองเดนฮากเองนั้น มีย่านบ้านเก่า และตึกที่ำทำการของนานาประเทศ ที่ไม่น่าพลาดสายตาของนักท่องเที่ยวชาวไทย  Scheveningen นั้นก็อยู่ไม่ไกล ถ้าใครมาเดนฮากอย่าลืมแวะกินปลาฮาริ่ง Hollandse nieuw ที่ริมทะเลนะคะ

 ถ้าคุณมีเวลาแวะเที่ยวที่เดนฮาก อย่าพลาดสถานที่ต่อไปนี้นะคะ

เมืองอื่นๆใกล้เคียง

เดลฟท์ Delft , Oranje stad

เดลฟท์ เป็นเมืองที่คุณเข้าไปแล้วจะค้นพบความเป็นฮอลแลนด์อบอวลไปทั่วทั้งเมือง เ

ในปี 1246 Graaf Willem II ได้ตั้งเดลฟท์ขึ้นมาเป็นเมือง มีสินค้าหลักคือ โรงกลั่นเีบียร์ และงานท่าเรือ  ในปี 1389 ได้มีการขุดลอกลำน้ำ Schie ไปออกยังแม่น้ำมาส จากเดฟลท์ไปถึง Delfshaven  ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของรอตเตอร์ดัม พอมาถึงปี 1536 เดลฟท์ถูกเผาในระหว่างสงคราม 

Prins Willem van Oranje พระบิดาของดินแดนเนเธอรืแลนด์ เคยใช้ชีวิตอยู่ในเดลฟท์ในส่วนที่เป็น  Sint-Agathaklooster ทุกวันนี้ได้ชื่อใหม่เป็น Prinsenhof ในสถานที่เดียวกันนี้ Prins Willem ก็ถูกลอบสังหารด้วยลูกปืนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคมปี 1584 โดย Balthasar Gerards.

ต้นศตวรรษที่ 17 เดลฟท์เป็นที่ตั้งของบริษัท VOC ที่เดินเรือไปรอบโลก และช่วงนั้นเอง ที่ผลิตภัณท์เครื่องปั้นดินเผาของ Delft กลายเป็นสินค้าโด่งดังขึ้นมา (จากการไปได้ต้นแบบมาจากประเทศจีน) 

ในปี 1672 เกิดอุบัติภัยขึ้นในเนเธอร์แลนด์ เศรษฐกิจของเดฟลท์ซบเซาลงไปมาก แถมยังถูกเดนฮากและรอตเตอร์ดัม ขนาบข้าง ธุรกิจด้านเครื่องลายครามก็ไม่รุ่งเรืองอย่างเคย พอถึงศตวรรษที่ 19 นี้ก็มีบริษัทใหญ่ๆเหลืออยู่เพียงสองสามแห่งเท่านั้น  De Delftse Pauw และ De kandelaar

 ช่วงปี 1847 เป็นปีที่รถไฟเริ่มวิ่งเข้าในในเมืองเดลฟท์ได้ เดลฟท์กลับเจริญขึ้นมาด้วยอุตสาหกรรมยีสต์และเครื่องดึ่มแอลกอฮอล์  

 Delft เป็นบ้านเกิดของศิลปินดัชต์ชื่อดังอีกคนหนึ่งคือ Johannes Vermeer เจ้าของรูปวาด Girl with a pearl earring  นอกจากนั้นศิลปินชื่อดังอีกคนหนึ่งคือ Karel Fabritius ก็ได้ใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่นี่จนถึงวาระสุดท้าย

เดลฟท์ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเทคนิคที่มีชื่อเสียงของประเทศและในยุโรป TU Delft ในปัจจุบันนี้ระบบขนส่ง ของเมืองได้ขยายขึ้น ถ้าคุณไปเที่ยวเดลฟท์ คุณสามารถนั่งรถแทรมสาย 1 ไปยังเดนฮาก  และสเคเวอนิ่งเกิ้นได้เลยโดยตรงด้วยค่ะ  จากเมืองอื่นๆ มี Stoptrien และ Sneltrein หลายสายที่ผ่านสถานี Delft

 ถ้าคุณมีเวลาแวะเที่ยวที่เดลฟท์ อย่าพลาดสถานที่ต่อไปนี้นะคะ

Copyright © 2003-2005 www.thai-dutch.net All rights reserved สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537